ข้อตกลงของภาครัฐและเอกชน จะสร้างความกังวลให้กับผู้ที่ผลิตถุงพลาสติกหรือไม่ หลังประกาศให้ไทยเลิกใช้ถุงพลาสติกในอีก 3 ปีข้างหน้า ทำใหธุรกิจผลิตถุงหิ้วพลาสติกทั้งรายเล็กรายใหญ่ ต้องทนก้มหน้าปรับธุรกิจให้เข้ากับแนวทางใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดละเลิกผลิตถุงหูหิ้วและนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิลป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตถุงจากพลาสติกมากขึ้น

ผู้บริหารโรงงานผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ จากเดิมที่เน้นผลิตแต่ถุงหิ้วใช้แล้วทิ้งเป็นรายได้หลัก ร้อยละ 60 เมื่อ 5 ปีก่อน ปัจจุบันนี้ลดลงเหลือแค่ร้อยละ 20 เท่านั้น นอกจากนี้ ยังต้องปรับตัวนำเอาเม็ดพลาสติดรีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการผลิตมากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มระดับความหนาของถุงพลาสติก

ที่สำคัญ ยังต้องหันไปผลิตถุงพลาสติกสำหรับทิ้งขยะเป็นจำนวนมากขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงการขยับขยายธุรกิจผลิตถุงจากกระดาษและถ้วยกระดาษตามกระแสนิยมขึ้นมาแทนที่ โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากลูกค้าในต่างประเทศที่มีการลดละเลิกใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง

บริษัทที่ผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าผู้ผลิตรายเล็ก

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทผลิตถุงพลาสติก http://www.plastisons.co.th/ คาดการณ์ว่าผู้ผลิตถุงหิ้วรายเล็กที่มีจำนวนกว่าพันราย จะได้รับผลกระทบสูงมาก ทำให้ไม่ค่อยมีทางเลือกที่เหมาะสม จึงต้องปรับเปลี่ยนไปทำธุรกิจด้านอื่น ๆ แทน ซึ่งธุรกิจพลาสติกก็ไม่ได้หายไปเลยทั้งหมด แต่นับวันก็เริ่มลดน้องลงเต็มที

เพราะการผลิตถุงพลาสติกยังมีความจำเป็นอยู่ และถ้าหากนำมาเปรียบเทียบกับประโยชน์การใช้งานกับราคาที่ถูกแล้ว ก็ค้นพบว่ายังไม่มีวัสดุอื่น ๆ มาทดแทนพลาสติกได้ในช่วงเวลาแบบนี้ ดังนั้น ผู้ผลิตก็ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้าถึงผู้บริโภค เพื่อลดการผลิต

กระบวนการผลิตถุงพลาสติกในยุคนี้ ต้องนำมารีไซเคิลได้คุ้มค่ากว่าเดิม

ด้วยเหตุนี้ มันจึงส่งผลกระทบต่อผู้ที่ผลิตถุงพลาสติกทั้งหมด แต่รายเล็กจะมากกว่า เพราะ ณ ตอนนี้ กระแสไม่ใช่พลาสติกมาแรง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง EU ก็ได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า ภายในปี 2025 ต้องรีไซเคิลพลาสติกให้ได้ถึง 75% บริษัทผู้ผลิตจึงต้องเร่งปรับตัวให้พลาสติกที่ออกมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าอย่างถึงที่สุด

ขณะที่แนวทางกำจัดขยะพลาสติกที่รัฐได้ร่วมกับมือเอกชน ผู้ที่ผลิตถุงพลาสติก ห้างร้านและอุตสาหกรรมพลาสติกประเภทต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือให้เลิกใช้ขยะพลาสติกทั้งหมด 4 ชนิด ภายในปี 2565 หรืออีก 3 ปีต่อจากนี้.