นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์การวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ร่วมกับข้อมูลบรรยากาศ และพบว่าบ่อน้ำมันและก๊าซมีการปล่อยฝุ่นละอองที่เป็นพิษ (PM2.5) คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนตรัสออกไซด์ โอโซน และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ผลการวิจัยซึ่งปรากฏในวารสารScience of the Total Environmentจะช่วยให้นักวิจัยทราบว่าความใกล้ชิดกับบ่อน้ำมันและก๊าซอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด โรคหอบหืด และโรคหัวใจ

“ในแคลิฟอร์เนีย ชุมชนคนผิวสีและชาวละตินต้องเผชิญกับมลพิษสูงสุดจากบ่อน้ำมันและก๊าซ หากเราใส่ใจเกี่ยวกับความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและทำให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนมีโอกาสมีสุขภาพดี เราควรใส่ใจเรื่องนี้” ผู้เขียนนำ David Gonzalez กล่าว ผู้ดำเนินการวิจัยเพื่อการศึกษาในขณะที่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกในโครงการสหวิทยาการ Emmett ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรของสแตนฟอร์ด (E-IPER) "สิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการศึกษาของเราคือเราได้ทำสิ่งนี้ในระดับประชากรทั่วทั้งรัฐโดยใช้วิธีการเดียวกับการศึกษาด้านสาธารณสุข"

การค้นพบนี้สอดคล้องกับการศึกษาขนาดเล็กอื่นๆ ที่ตรวจวัดการปล่อยมลพิษจากบ่อน้ำจำนวนหนึ่ง ชาวแคลิฟอร์เนียอย่างน้อยสองล้านคนอาศัยอยู่ภายในระยะหนึ่งไมล์จากบ่อน้ำมันหรือบ่อน้ำมัน

Marshall Burke รองศาสตราจารย์ด้านระบบ Earth กล่าวว่า "เป็นการยากที่จะแสดงผลกระทบคุณภาพอากาศจากกิจกรรมเช่นการผลิตน้ำมันและก๊าซในระดับประชากร แต่นั่นเป็นระดับที่เราจำเป็นต้องสามารถสรุปผลกระทบต่อสุขภาพได้ วิทยาศาสตร์ที่โรงเรียน Earth, Energy & Environmental Sciences ของ Stanford (Stanford Earth) "แม้ว่าจะไม่น่าแปลกใจเสมอไปที่การขุดเจาะและการใช้งานบ่อน้ำมันและก๊าซจะปล่อยมลพิษทางอากาศ แต่การรู้ถึงขนาดของผลกระทบนั้นจะช่วยปรับปรุงความเข้าใจในวงกว้างของเราว่าใครบ้างที่ต้องเผชิญกับอะไรและจะเข้าไปแทรกแซงเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพได้อย่างไร"

นักฆ่าระดับโลก

การวิจัยเผยให้เห็นว่าเมื่อมีการเจาะหลุมใหม่หรือมีการผลิตถึง 100 บาร์เรลต่อวัน มลพิษของอนุภาคร้ายแรงที่เรียกว่า PM2.5 จะเพิ่มสองไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรห่างจากไซต์ประมาณหนึ่งไมล์ ผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในScience Advancesพบว่าการได้รับ PM2.5 เพิ่มอีก 1 ไมโครกรัมต่อเมตรลูกบาศก์เป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COVID-19 ได้ถึง 11 เปอร์เซ็นต์

"เราเริ่มต้นในปี 2549 เพราะนั่นเป็นช่วงที่หน่วยงานในท้องถิ่นเริ่มรายงานความเข้มข้นของ PM2.5" กอนซาเลซ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจัยดุษฎีบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ กล่าว "เรากังวลเรื่องฝุ่นละอองมากเพราะเป็นฆาตกรชั้นนำระดับโลก"

ทีมประเมินประมาณ 38,000 หลุมที่กำลังเจาะและ 90,000 หลุมในการผลิตระหว่างปี 2549 ถึง 2562 พวกเขาพัฒนาแบบจำลองทางเศรษฐมิติที่รวมการสังเกตการณ์มากกว่าหนึ่งล้านครั้งต่อวันจากเครื่องตรวจอากาศ 314 ตัวร่วมกับข้อมูลทิศทางลมทั่วโลกจาก National Oceanic and Atmospheric Administration ( NOAA) เพื่อตรวจสอบว่ามลพิษมาจากบ่อน้ำหรือไม่

ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยมลพิษในระดับสูงนั้นถูกควบคุม เช่น ควันไฟป่าหรือกิจกรรมทางอุตสาหกรรม และเครื่องตรวจสอบที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่ขุดเจาะถูกนำมาใช้เพื่อระบุปัจจัยเหล่านั้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับบ่อน้ำ พวกเขายังวิเคราะห์สถานที่ด้วยข้อมูลคุณภาพอากาศทั้งก่อนและหลังการเจาะบ่อน้ำ

กอนซาเลซกล่าวว่า "บางครั้งลมพัดจากบ่อน้ำ บางครั้งก็ไม่ และเราพบว่ามีมลพิษสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวันที่ลมพัดมาจากบ่อน้ำ" "ในฐานะผู้ควบคุม เราคิดว่าบ่อน้ำที่อยู่ตามลมของเครื่องตรวจวัดอากาศไม่ควรก่อให้เกิดมลพิษ และนั่นคือสิ่งที่เราเห็นจริงๆ"

การวิจัยยังเผยให้เห็นด้วยว่าโอโซนซึ่งเป็นสารออกซิแดนท์ที่ทรงพลังซึ่งอาจทำให้หายใจมีเสียงวี๊ด หายใจลำบาก และโรคปอดที่กำเริบได้นั้นมีอยู่ไกลถึง 2.5 ไมล์จากบ่อน้ำ หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) กล่าวว่าเด็กมีความเสี่ยงสูงสุดจากการสัมผัสกับโอโซนเนื่องจากปอดยังคงพัฒนา

การสัมผัสเรื้อรัง

การศึกษาครั้งใหม่นี้ก่อให้เกิดหลักฐานที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอันตรายของการใช้ชีวิตใกล้บ่อน้ำมันและก๊าซที่อาจช่วยแนะนำการกำหนดนโยบายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของที่อยู่อาศัยจากสถานที่ขุดเจาะ ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ LA County ได้ลงคะแนนให้ยุติการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ โดยอ้างถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเท่าเทียม และเมืองอื่นๆ ในแคลิฟอร์เนียกำลังหารือเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การขุดเจาะในละแวกใกล้เคียง

กอนซาเลซกล่าวว่า “แหล่งน้ำมันหลายแห่งในแคลิฟอร์เนียเปิดดำเนินการมาหลายสิบปีแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้พวกเขาต้องเผชิญกับมลพิษในระดับที่สูงขึ้นอย่างเรื้อรัง และบ่อน้ำเหล่านี้จำนวนมากตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียงที่มีมลพิษอยู่แล้ว” กอนซาเลซกล่าว "การศึกษาของเราเพิ่มหลักฐานว่าจำเป็นต้องมีนโยบายด้านสาธารณสุขเพื่อลดการสัมผัสมลพิษทางอากาศจากบ่อน้ำของผู้อยู่อาศัย"

แม้ว่าข้อมูลสำหรับการวิจัยจะมาจากแคลิฟอร์เนีย แต่ผู้เขียนร่วมกล่าวว่าการค้นพบนี้น่าจะใช้ได้กับภูมิภาคอื่นๆ ที่มีการดำเนินงานด้านน้ำมันและก๊าซ

"เรามีเอกสารก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่าความใกล้ชิดกับการผลิตน้ำมันและก๊าซทำให้ผลลัพธ์ด้านสุขภาพแย่ลง และช่องทางที่น่าจะมาจากมลพิษทางอากาศ แต่ก่อนหน้านี้เราไม่มีทางที่ดีที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเช่นนี้" เบิร์กกล่าว "งานใหม่นี้ช่วยยืนยันว่ามลพิษทางอากาศเป็นจุดเชื่อมโยงที่ขาดหายไประหว่างการผลิตพลังงานประเภทนี้กับผลลัพธ์ที่ไม่ดีที่เราใส่ใจ